ทำอย่างไรให้ชนะเงินเฟ้อ
ทำอย่างไรให้ชนะเงินเฟ้อ — เงินเฟ้อ … ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของการออมเงิน!!! ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปสำหรับเดือนพฤษภาคม 2565 อยู่ที่ 7.10 % !!! (อัตรานี้เป็นอัตราต่อเดือนนะคะ ซึ่งแต่ละเดือนก็จะเฟ้อไม่เท่ากัน แต่ละปีก็จะเฟ้อไม่เท่ากันเช่นกัน เพราะงั้นเราจึงมักใช้เป็นตัวเลขเฉลี่ยเพื่อง่ายต่อการใช้งานค่ะ)
ในโลกของ การวางแผนการเงิน เรารู้ดีอยู่แล้วว่า อัตราเงินเฟ้อคือสมมติฐานที่สำคัญตัวหนึ่งในการวางแผนการเงิน โดยเฉพาะการวางแผนเกษียณ หรือการวางแผนการศึกษาบุตร ซึ่งโดยปกติเราจะใช้ตัวเลขเฉลี่ยประมาณการเป็นตัวกลมๆ อยู่ที่ 3% ต่อปี (ทบต้น) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สินค้าในแต่ละหมวดก็มีอัตราการเฟ้อแตกต่างกันไป โดยหมวดที่มีอัตราการเฟ้อสูงที่สุดครองแชมป์ก็คือหมวด Healthcare นั่นเอง โดยมีอัตราเฟ้ออยู่ที่ประมาณ 7-8% ต่อปี ++
เมื่อเงินในวันนี้ เสื่อมค่าลงในวันข้างหน้า ดังนั้นในการวางแผนการเงิน เราจะต้องคำนวณตัวเลขปัจจุบันให้กลายเป็นมูลค่าอนาคตโดยใช้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทบต้นในการคำนวณ
เช่น หากปัจจุบันเรามีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 30,000 บาท
ในอีก 24 ปีข้างหน้า หากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 3%
เงินมูลค่า 30,000 บาทจะกลายไปเป็น 60,984 บาท [30,000 x (1.03^24)]
คิดต่อนะคะ สมมติคนที่อายุ 36 ปี ที่อีก 24 ปีจะเกษียณ ถ้าเขามีค่าใช้จ่าย 30,000 บาทต่อเดือนในปัจจุบัน แต่อนาคตเมื่อเขาเกษียณไป เขาต้องมีเงิน 60,984 บาทต่อเดือนเพื่อใช้จ่าย … ซึ่งเท่ากับ 731,808 บาท/ปี และถ้าต้องใช้ชีวิตไปอีก 25 ปีจะเป็นเงินทั้งหมด 18,295,200 บาท แล้วจะทำอย่างไรล่ะทีนี้!?
อย่างที่บอกเสมอนะคะว่า การลงทุนคือ “ทางรอด” ไม่ใช่ “ทางเลือก” ถ้าวันนี้เราไม่ลงทุน เราจะ “ไม่รอด” นะคะ แต่การลงทุนแบบไร้หลักไร้ทิศทาง แทนที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จจากการลงทุนจะกลายเป็นเจ๊งไม่เป็นท่าเอาได้ เพราะ “การลงทุนมีความเสี่ยง และสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ได้แปลว่าจะให้ผลตอบแทนสูงนะ แต่มันหมายถึงว่า มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงตราบใดที่ผู้ลงทุนมีความรู้เข้าใจในสินทรัพย์ที่ลงทุนและมีจิตวิทยาการลงทุนมากพอเท่านั้นเอง”
แล้วรู้หรือไม่คะ ว่าความเสี่ยงของการลงทุนสามารถลดลงได้ด้วยระยะเวลา หากลงทุนได้นานพอ โอกาสขาดทุนจะลดลงมากๆ จนแทบจะไม่มี แต่ความยากก็คือ … ทำอย่างไรจะอดทนลงทุนได้ยาวนานพออย่างนั้น
นี่จึงเป็นที่มาของการวางแผนการลงทุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการเงินค่ะ เมื่อมีแผนและ Action Plan ที่ชัดเจน นั่นจะเป็นเสมือนแผนที่นำทางให้คุณบรรลุเป้าหมายการลงทุนได้ สิ่งสำคัญคือ ลงทุนระยะยาว กำหนดกลยุทธ์การลงทุน จัดสรรสินทรัพย์ตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ดูแลและติดตามพอร์ตการลงทุนปีละครั้งหรือสองครั้ง ปรับพอร์ตให้คงสัดส่วนตามที่ได้จัดสรรไว้ ปรับเปลี่ยนสินทรัพย์เมื่อจำเป็น
ฟังดูเหมือนง่ายใช่ไหมคะ แต่การปฏิบัตินั้นห่างไกลจากคำว่าง่ายมากนะคะ แค่อดทนถือสินทรัพย์ในช่วงที่ตลาดหุ้นราคาตกก็ยากแล้วว่าไหม
ดังนั้นการมีผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการลงทุนจึงเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้ ผู้ซึ่งเข้ามากำหนดกลยุทธ์การลงทุนตามเป้าหมายทางการเงินของผู้ลงทุนแต่ละคน กำหนดสัดส่วนสินทรัพย์ตามความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้ จัดพอร์ตและดูแลติดตามพอร์ตตามรอบระยะเวลาที่เหมาะสม คอยเตือนและคอยทักท้วงหากผู้ลงทุนจะกระทำสิ่งใดที่ขัดต่อนโยบายการลงทุนที่ได้กำหนดไว้แต่แรก อันจะส่งผลให้การลงทุนไม่บรรลุเป้าหมาย
สุดท้ายนี้ถ้าใครสนใจมีผู้วางแผนการลงทุนให้ ติดต่อมาได้เลยนะ
ติดต่อ สอบถาม รับคำปรึกษา
Line @greatlifeadviser หรือคลิก https://lin.ee/Lq9D46f
Web www.greatlifeadvisor.com