ประกันชีวิตมีทั้งหมดกี่แบบ
ประกันชีวิตมีทั้งหมดกี่แบบ แต่ละแบบมีลักษณะอย่างไรบ้าง วันนี้มาทำความรู้จักแบบของประกันชีวิตกันค่ะ
ก่อนอื่นขอแนะนำคำศัพท์สำหรับผู้ที่ยังไม่ค่อยคุ้นชินก่อนนะคะ
- เบี้ยประกันชีวิต = เงินที่ต้องจ่ายเพื่อทำประกันชีวิต
- ผู้จ่ายเบี้ยประกัน = ผู้ชำระเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต
- ผู้เอาประกัน = ผู้ที่มีชื่อเป็นผู้ทำประกัน (อาจเป็นคนละคนกับผู้ที่จ่ายเบี้ยประกันชีวิต)
- ทุนประกันชีวิต = จำนวนเงินผลประโยชน์ที่บริษัทประกันจะจ่ายเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตหรือเมื่อครบสัญญา
ประกันชีวิตมีทั้งหมด 5 แบบด้วยกัน ดังนี้
1) ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance)
ประกันชีวิตแบบนี้จะมีระยะเวลาคุ้มครองชั่วระยะเวลาหนึ่ง โดยปกติจะคุ้มครอง 5,10,15 และ 20 ปี ลักษณะของประกันชีวิตแบบนี้จะมีเบี้ยประกันชีวิตที่ต่ำมากๆ ต่ำที่สุดในบรรดาประกันชีวิตทุกรูปแบบ ในขณะที่มีทุนประกันฯ สูงที่สุดในกรณีที่จ่ายเบี้ยเท่ากันกับประกันชีวิตรูปแบบอื่น โดยจะจ่ายผลประโยชน์เท่ากับทุนประกันเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตเท่านั้น แต่หากผู้เอาประกันไม่เสียชีวิต เมื่อครบระยะเวลาคุ้มครอง จะไม่มีการจ่ายผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งประกันชีวิตรูปแบบนี้จะไม่มีมูลค่าเงินสด / มูลค่าเวนคืน หรือการจ่ายเงินปันผลใดๆ
ประกันชีวิตแบบนี้เหมาะสำหรับใช้ในการคุ้มครองสินเชื่อ เช่น ผู้เอาประกันมีระยะเวลาผ่อนชำระค่างวดบ้านอีก 15 ปี โดยมีเงินต้นคงเหลือประมาณ 2 ล้านบาท สามารถทำประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา 15 ปี ทุนประกัน 2 ล้านบาท เพื่อที่ว่า หากเสียชีวิตในช่วงระยะเวลาดังกล่าว บุคคลที่อยู่ข้างหลังจะได้นำผลประโยชน์ทุนประกันที่ได้รับไปชำระหนี้ที่เหลืออยู่ได้อย่างไม่เดือดร้อน
2) ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance)
“คุ้มครองตลอดชีพ เบี้ยค่อนข้างถูก ซื้อสัญญาเพิ่มเติมได้ มีมูลค่าเงินสด / เวนคืน / เงินปันผล เสียชีวิตหรือครบเวลาได้ผลประโยชน์เท่ากับทุนประกัน สามารถหยุดชำระเบี้ยและใช้สิทธิขยายเวลาหรือใช้เงินสำเร็จได้”
ประกันชีวิตแบบนี้จะมีระยะเวลาคุ้มครองตลอดชีพ (90 หรือ 99 ปี แล้วแต่บริษัทประกัน) เหมาะสำหรับการวางแผนมรดก เนื่องจากอายุสัญญาที่ครอบคลุมตลอดชีพ หากผู้เอาประกันเสียชีวิต ทุนประกันที่ได้รับจะถูกส่งต่อให้กับผู้รับผลประโยชน์ แต่หากผู้เอาประกันอยู่ครบสัญญา บริษัทประกันก็จะจ่ายผลประโยชน์เท่ากับทุนประกันให้กับผู้เอาประกัน
นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับการวางแผนการดูแลสุขภาพตลอดชีพ โดยการซื้อสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพประกอบกับสัญญาหลัก เนื่องจากสัญญาเพิ่มเติมจะยังมีผลไปจนตลอดอายุของสัญญาหลัก
ประกันชีวิตแบบนี้มีมูลค่าเงินสด มูลค่าเวนคืน มีมูลค่าขยายเวลา และมูลค่าใช้สำเร็จ ผู้เอาประกันสามารถหยุดชำระเบี้ยเพื่อใช้สิทธิต่างๆ ได้
3) ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance)
ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ จะมีการกำหนดระยะเวลาของสัญญาเป็นชั่วระยะเวลาหนึ่ง เช่น 20/12 คือ จ่ายเบี้ย 12 ปี คุ้มครองไปถึงปีที่ 20 หลังครบอายุสัญญาจะได้รับเงินคืนตามที่กรมธรรม์กำหนด เสมือนเป็นการสะสมเงินออมไว้จนถึงเวลาที่กำหนดจะได้เงินคืนพร้อมผลตอบแทนจำนวนหนึ่ง แต่ผลตอบแทนจากการซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์นั้นไม่ได้มากนัก โดยมากแล้วจะประมาณ 3-4% ต่อปีทบต้น
สามารถซื้อสัญญาเพิ่มเติมได้ เช่น ประกันสุขภาพ แต่ข้อเสียของประกันประเภทนี้คือ สัญญาเพิ่มเติมจะสิ้นสุดลงพร้อมกับสัญญาหลัก นั่นหมายความว่า หากซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติมไว้ เมื่อครบกำหนดอายุสัญญาประกันสะสมทรัพย์ฉบับนี้ ประกันสุขภาพที่ทำไว้ก็จะสิ้นสุดลงเช่นกัน หากผู้เอาประกันไม่มีสวัสดิการประกันสุขภาพอย่างอื่น จะมีความเสี่ยงในการทำประกันสุขภาพครั้งใหม่ เพราะอายุที่เพิ่มขึ้น และอาจเกิดโรคบางอย่างทำให้ไม่สามารถคุ้มครองโรคที่เป็นได้
ประกันชีวิตแบบนี้มีมูลค่าเงินสด มูลค่าเวนคืน มีมูลค่าขยายเวลา และมูลค่าใช้สำเร็จ ผู้เอาประกันสามารถหยุดชำระเบี้ยเพื่อใช้สิทธิต่างๆ ได้
4) ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Annuity Insurance)
ประกันชีวิตแบบนี้เรียกว่าเป็นเงินบำนาญหลังเกษียณอายุจากการทำงานค่ะ ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายเบี้ยประกันตามที่สัญญากำหนดให้ครบ หลังจากนั้นบริษัทประกันจะจ่ายเงินผลประโยชน์เป็นเงินบำนาญช่วงอายุ 55 ปี หรือ 60 ปี แล้วแต่สัญญา เป็นเงินงวดเท่าๆ กันไปจนอายุประมาณ 85 ปี (บางบริษัทอาจแตกต่างจากนี้) เสมือนเป็นการที่ผู้เอาประกันเก็บเงินไว้สำหรับเกษียณอายุในช่วงที่ยังสามารถทำงานมีรายได้อยู่ เพื่อที่หลังเกษียณจะมีรายได้สำหรับใช้จ่ายค่ะ
ประกันชีวิตแบบนี้มีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ไม่มีสวัสดิการหลังเกษียณอายุและผู้ที่ไม่ถนัดลงทุนสำหรับพอร์ตเกษียณอายุค่ะ
5) ประกันชีวิตควบการลงทุน (Universal / Unit linked)
ประกันชีวิตรูปแบบนี้ จะเป็นการทำประกันชีวิตที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนควบคู่กันไปด้วย บริษัทจะนำเงินส่วนของการลงทุนไปลงทุนในกองทุนรวมที่มีโอกาสเติบโต โดยความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนจะสัมพันธ์กับการประเมินความเสี่ยงของผู้เอาประกันภัย ประกันชีวิตแบบนี้จะมีความยืดหยุ่นสูงมากเพราะ
- สามารถเพิ่ม-ลดเบี้ยที่จ่ายในแต่ละงวดได้
- สามารถเลือกว่าจะนำไปเพิ่ม-ลดการลงทุน หรือเพิ่ม-ลดความคุ้มครอง
- สามารถหยุดชำระเบี้ยได้ชั่วคราว และ
- สามารถถอนเงินบางส่วนมาใช้ได้โดยกรมธรรม์ยังมีผลบังคับอยู่
สำหรับผลประโยชน์เมื่อเสียชีวิต จะได้รับทุนประกัน + ผลประโยชน์จากการลงทุน แต่หากอยู่ครบสัญญาจะได้รับเงินค่าขายหน่วยลงทุนคืน และสำหรับใครสนใจประกันชีวิตและไม่รู้ว่าประกันชีวิตแบบไหนที่เหมาะกับตนเอง สามารถติดต่อสอบถามให้เราช่วยวิเคราะห์แบบที่เหมาะกับคุณได้เลย
ติดต่อ สอบถาม รับคำปรึกษา
Line @greatlifeadviser หรือคลิก https://lin.ee/Lq9D46f
Web www.greatlifeadvisor.com